สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

การป้องกันพิษจากสีผสมอาหาร

อันตรายจากการใช้สีผสมอาหารที่ไม่ถูกต้องนั้นมีมาก การที่จะลดหรือป้องกัน อันตรายจากสีได้นั้นต้องอาศัยความร่วมมือของบุคคลหลายฝ่าย คือ
1. ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสีผสมอาหารต้องทำฉลากเป็นภาษาไทยให้อ่านได้ ชัดเจนและอย่างน้อยต้องมีข้อความดังต่อไปนี้
  1.1 คำว่า "สีผสมอาหาร"
  1.2 ชื่อสามัญ
  1.3 เลขทะเบียนอาหาร
  1.4 ปริมาณสุทธิเป็นระบบเมตริก
  1.5 ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต
  1.6 ขนิดของพืช หรือสัตว์ที่เป็นต้นกำเนิดของสีธรรมชาติ
2. ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ต้องเลือกสีชนิดที่ตัวมันเองไม่มีอันตรายหรืออันตรายน้อยที่สุด และต้องมีความบริสุทธิ์สูง คือเป็นสีที่สังเคราะห์ขึ้นพิเศษ เพื่อใช้ในการปรุงแต่งหรือผสมอาหารเท่านั้น เพราะสีพวกนี้มีโลหะหนัก หรือสารอื่นปนอยู่น้อยมาก
3. ผู้ประกอบการ ต้องใช้สีเฉพาะที่ใช้ผสมอาหารเท่านั้น (ไม่ใช้สีย้อมผ้าหรือสีชนิดอื่น) และต้องใช้ในปริมาณพอควร ซึ่งในการเลือกซื้อสีผสมอาหาร ควรสังเกตว่าที่ซองหรือกระป๋องสีนั้นมีข้อความว่า "สีผสมอาหาร" และมีเลขทะเบียน ปรากฎชัดเจนหรือเปล่า หากสีใดไม่มีฉลากข้อความดังกล่าวและไม่มีเลขทะเบียน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ห้ามนำมาใช้ผสมอาหารเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย หากจะใช้สีผสมอาหารให้ใช้เพียงแต่น้อย อย่าบ่อยครั้ง
4. ผู้บริโภค ควรเลือกบริโภคอาหารที่ไม่ใส่สี หรือเลือกบริโภคแต่อาหาร ที่แน่ใจว่ามีสีผสมอาหารซึ่งปลอดภัยเท่านั้น
ตามปกติแล้วเราไม่ควรใช้สีผสมอาหาร แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ควรใช้สีที่ได้ จากธรรมชาติ หรือสีอนินทรีย์ หากจำต้องใช้สีสังเคราะห์ ต้องใช้เฉพาะสีที่ทางการ กำหนดว่าปลอดภัย เช่นสีขององค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข และใช้ในปริมาณไม่มาก (ตามข้อบ่งใช้ที่ได้กล่าวแล้ว) พึงระลึกว่าการใช้สีที่ห้ามบริโภค หรือบริโภคไม่ได้มาผลิตหรือผสมอาหารจำหน่าย อาจได้รับโทษตามกฎหมาย คือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท