การปลูก
  1. การปลูกแบบทั่วไป
    ขุดหลุมปลุกลึกประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ระยะระหว่างหลุมห่างกัน 50 เซนติเมตร และระยะระหว่างแถวห่างกัน 50 เซนติเมตรเช่นกัน รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ถ้าพื้นที่เป็นดินกรดและยังไม่ได้ใส่ปูนขาวก็ให้ใส่ปูนขาวลงไปด้วย จากนั้นคลุกเคล้าปุ๋ยคอก ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และปูนขาวให้เข้ากัน กลบด้วยดินปากหลุมลงไปครึ่งหลุม (หนาประมาณ 3 เซนติเมตร) แล้วหยอดเมล็ดพันธุ์ 3 เมล็ดต่อหลุม โดยวางเมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยมให้แต่ละเมล็ดห่างกันพอประมาณแล้วใช้ดินที่เหลือกลบเมล็ด (หนาประมาณ 4 เซนติเมตร) เมื่อปลูกเสร็จให้รีบรดน้ำหรือให้น้ำทันที

    สำหรับสูตรและอัตราส่วนของปุ๋ยวิทยาศาสตร์ที่ใช้รองก้นหลุมแตกต่างกัน ตามสภาพพื้นที่ดังนี้
    1.1 ในเขตภาคกลางตอนบน ในบริเวณแถบจังหวัดชัยนาท อยุธยา สิงห์บุรี และอ่างทอง ถ้าเป็นที่นาที่เคยใส่ปุ๋ยนามาก่อน ให้ใช้ปุ๋ยสูตร 21-0-0 อัตรา 50-70 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะต่อหลุม ถ้าเป็นที่ซึ่งไม่เคยใส่ปุ๋ยนามาก่อนให้ใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 อัตรา 40-50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อหลุม
    1.2 ในเขตภาคกลางตอนล่าง ในบริเวณแถบจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ นครปฐม ราชบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 45-0-0 หรือ 21-0-0 อัตรา 25-50 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อหลุม
    1.3 ในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 20-10-10 อัตรา 75-100 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะต่อหลุม
    ข้อควรระวัง อย่าให้ปุ๋ยเคมีกับเมล็ดพันธุ์สัมผัสกันโดยตรง เพราะขณะที่ปุ๋ยละลายจะคายความร้อน ทำให้เมล็ดพันธุ์เน่าเสียได้
  2. การปลูกโดยใช้เครื่องหยอดเมล็ด
    เนื่องจากการปลูกข้าวโพดฝักอ่อนโดยวิธีแรกนั้น ต้องใช้แรงงานมากและเสียเวลา เกษตรกรบางราย จึงหันมาใช้เครื่องหยอดเมล็ด ซึ่งเกษตรกรนิยมเรียกกันว่า แจ๊ค หรือแจ๊บ โดยหลังจากที่เตรียมดินและเตรียมเมล็ดพันธุ์แล้ว เกษตรกรจะต้องปรับลิ้นในช่องหยอดเมล็ด เพื่อบังคับให้เครื่องหยอดเมล็ดข้าวโพดได้ครั้งละ 2-3 เมล็ดตามต้องการ จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ใส่ในช่องใส่เมล็ดพันธุ์ นำเครื่องหยอดเมล็ดกดลงในดินตามระยะที่กำหนด เมื่อปลูกเสร็จแล้วรีบให้น้ำทันที