เมื่อข้าวฟ่างสุกแก่ เมล็ดจะมีสีเข้มขึ้นแห้งและแข็ง ถ้าใช้แรงงานคนตัด เมื่อตัดเสร็จควรนำไปตากบนลานที่สะอาด ตากไว้จนเมล็ดแห้งแล้วจึงนำไปนวดหรือสี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้เครื่องสีแล้วบรรจุกระสอบส่งไปจำหน่าย
ถ้าจะเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์เองควรตากให้แห้งสนิทแล้วคลุกสารกันราและแมลง แล้วเก็บในภาชนะปิดเก็บไว้ในที่แห้งและเย็นที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
1. ไม่ควรปลูกพืชอื่นตามหลังข้าวฟ่างทันที เพราะมีผลตกค้างจากข้าวฟ่างทำให้พืชที่ปลูกตามมาไม่เจริญงอกงาม
2. ไม่ควรนำต้นข้าวฟ่างที่มีอายุต่ำกว่า 1 เดือน ไปเลี้ยงสัตว์เพราะมีกรดไฮโดรไซยานิคที่เป็นพิษต่อสัตว์

มาตรฐานสินค้าข้าวฟ่าง
คุณภาพของข้าวฟ่างที่ดีตรงตามความต้องการของตลาดแบ่งได้ 2 เกรดดังนี้คือ
รายการ |
เกรด 1 |
เกรด 2 |
ความชื้นไม่เกิน |
14.5 % |
15.5 % |
เมล็ดเสียไม่เกิน |
3.0 % |
5.0% |
เมล็ดมีแมลงทำลายไม่เกิน |
1.5% |
1.5% |
เมล็ดแตกไม่เกิน |
8.0% |
12.0% |
วัตถุอื่นไม่เกิน |
1.5% |
2.0% |
เมล็ดสีอื่นปนไม่เกิน |
10.0% |
10.0% |