1.1 รังแฝด (double cocoon ) คือรังไหมที่เกิดจากหนอนไหมตั้งแต่
2 ตัวขึ้นไป ทำรังร่วมกัน ซึ่งรังประเภทนี้เมื่อนำมาสาวจะทำให้เส้นไหมขาดบ่อยๆ
เพราะการพ่นเส้นใยไหมพันกัน เนื่องจากรังไหมใน 1 รัง มีเส้นไหมมากกว่า 1 เส้น
ทำให้ความสามามถในการสาวออกต่ำ เส้นไหมก็ไม่เรียบ ประสิทธิภาพการสาวเส้นไหม
ลดลง การเกิดรังไหมแฝดนันอาจจะเกิดจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน เช่น
ลักษณะของพันธุ์ไหม จำนวนหนอนไหมต่อจ่อมากเกินไป ลักษณะจ่อไม่ถูกต้อง
และไม่เหมาะสมกับหนอนไหม |
1.2 รังเจาะ (pierced cocoon) รังไหมชนิดนี้เกิดจากหนอนแมลงวันลายเจาะรัง
ออกมาทำให้รังเหล่านี้เสียหาย การที่รังไหมเกิดรูก็เท่ากับไปตัดเส้นไหมให้
ขาดทั้งเส้น ด้งนั้น เวลานำรังไหมชนิดนี้ไปสาวเส้นไหมยืน จะทำให้ขาดบ่อยๆ ก่อ
ให้เกิดปัญหายุ่งยาก และประสทธิภาพในการสาวออกค่อนข้างต่ำ ทำให้เส้นไหม
ที่ได้ไม่มีคุณภาพ |
1.3 รังสกปรกภายใน (inside soiled cocoon) รังไหมชนิดนี้เกิดจาก
ตัวดักแด้ตายในรังหรือหนอนไหมเป็นโรคแต่สามารถทำรังได้ เมื่อทำรังแล้วหนอนไหมหรือ
ดักแด้ตายในรังทำให้รังสกปรกเมื่อนำมาสาวจะได้เส้นไหมที่ไม่มีคุณภาพ |
1.4 รังสกปรกภายนอก (outside soiled cocoon) รังไหมชนิดนี้
เกิดจากหนอนไหมปล่อยปัสสาวะก่อนทำรังหรือเกิดจากการแตกของตัวหนอนไหม
เป็นโรคที่อยู่ในจ่อ แล้วไปทำเปื้อนกับรังดีที่อยู่ในจ่อด้วยกัน รังไหมชนิดนี้เมื่อ
นำไปต้มสาวแล้วจะดึงเส้นไหมยาก หรือรังอาจจะเละก่อนที่จะสาว โดยเฉพาะ
เปลือกรังบริเวณที่เปื้อนปัสสาวะเพราะปัสสาวะของหนอนไหมมีฤทธิ์เป็นด่าง |
1.5 รังบาง (thin shell cocoon) เป็นรังไหมที่ได้จากการจับหนอนไหม
ที่เป็นโรคเข้าจ่อทำรัง เมื่อพ่นเส้นใยทำรังได้เล็กน้อยก็จะตายไป ทำให้รังไหมบาง
ผิดปกติ หรือเกิดจากการจับหนอนไหมเข้าจ่อช้าเกินไป หนอนไหมจึงพ่นเส้นใย
ไหมตามขอบกระด้งหรือเหลี่ยมมุมของโต๊ะเลี้ยงไหม ทำให้มีเส้นใยน้อยจึงทำรัง
ได้บางผิดปกติ รังไหมชนิดนี้ไม่สามารถที่จะต้มสาวได้เพราะรังไหมจะเละก่อน |
1.6 รังหลวม (loose shell cocoon) เป็นรังไหมที่เกิดขื้นเนื่องจาก
สภาพแวดล้อมในขณะที่ไหมทำรังไม่เหมาะสมจึงทำให้เกิดรังชนิดนี้ขื้น ลักษณะ
รังหลวมถ้านำไปสาวจะเกิดการขาดของเส้นไหมบ่อย เพราะว่ารังไหมแยกเป็น
ชั้นๆ ทำให้ได้เส้นไหมที่ไม่มีคุณภาพ |
1.7 รังบางหัวห้าย (thin-end cocoon ) รังไหมชนิดนี้มักเกิดจาก
ลักษณะสายพันธุ์ไหมหรือเกิดจากอุณหภูมิสูงในช่วงกกไข่ บางครั้งก็เกิดจาก
สภาพอากาศที่เย็นเกินไประหว่างไหมเข้าทำรัง ลักษณะรังประเภทนืส่วนหัวจะ
แหลมผิดปกติ เวลานำไปต้มจะเละบริเวณส่วนแหลมก่อนและถ้านำมาสาวเส้นไหม
จะขาดบริเวณหัวแหลม ทำให้ความสามารถในการสาวออกลดลง เส้นไหมที่ได้
จะไม่มีคุณภาพ |
1.8 รังผิดรูปร่าง (malformed cocoon) รังไหมชนิดนี้มักเกิดจาก
ลักษณะจ่อไม่ถูกต้อง หรือเกิดจากหนอนไหมอ่อนแอ ทำรังได์ไม่สมบูรณ์ ลักษณะ
รังมักจะบิดเบี้ยวและไม่มีความสม่ำเสมอ รังประเภทนี้เวลานำไปต้มกับรังดีมัก
จะเละก่อนหรือบางทีก็แข็ง ทั้งนี้ขี้นอยู่กับรูปรา่งของรังนั้นๆ ว่าผิดปกติลักษณะใด |
1.9 รังติดข้างจ่อ (cocoon with prints of cocoon frame ) รังไหม
ชนิดนี้เกิดจากการที่หนอนไหมไปทำรังติดข้างๆ จ่อ หรือติดกับกระดาษรองจ่อ
ลักษณะรังจะแบนผิดปกติและหนาเป็นบางส่วน ซึ่งสาเหตุเกิดจากการจับไหม
เข้าจ่อแน่นเกินไป หนอนไหมมีพื้นที่ในการทำรังไม่เพียงพอหรืออาจจะเกิดจาก
การใช้จ่อที่ไม่ถูกลักษณะ |
1.10 รังบุบ (crushed cocoon) รังไหมชนิดนี้พบในกรณีที่ขนส่งโดย
ไม่ระมัดระวังทำให้รังไหมเกิดการกระทบกระแทกกัน รังไหมนี้ถ้านำไปสาวจะ
เกิดการขาดบ่อยๆ ตรงบริเวณส่วนที่ยุบลงไป |
1.11 รังเป็นเชื้อรา ( musty cocoon ) รังไหมชนิดนี้ไม่ควรนำไปสาว
เพราะเส้นใยจะเสื่อมคุณภาพ ทั้งนี้เกิดจากการอบแห้งไม่สมบูรณ์และไม่มีการ
ควบคุมความชื้นในห้องเก็บรังไหมดีพอ ทำให้มีเชื้อราเกิดขื้นบนเปลือกรังไหม |