|
|
|
|
จากที่นักเรียนได้ทราบมาแล้วว่า
ฟังก์ชัน เป็นความสัมพันธ์ซึ่งในสองคู่อันดับใดๆ ของความสัมพันธ์นั้น ถ้าสมาชิกตัวหน้าเหมือนกันแล้ว
สมาชิกตัวหลังต้องไม่ต่างกัน สามารถเขียนเป็นภาษาคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
|
ความสัมพันธ์ r จะเป็นฟังก์ชัน f ก็ต่อเมื่อ ถ้า (x, y)
r และ (x, z)
r แล้ว y = z
|
|
|
จากวิดิโอคลิปที่นักเรียนจะได้ศึกษาต่อไปนี้
จะทำให้นักเรียนเข้าใจถึงลักษณะความสัมพันธ์ที่จะเป็นฟังก์ชันว่าต้องมีลักษณะอย่างไร
และจะมีวิธีการสังเกตอย่างไร
|
ที่มา www.youtube.com/watch?v=Ft1BFGVACRc
|
|
|
|
หลังจากที่ได้ศึกษาวีดิโอคลิปแล้ว นักเรียนลองทบทวนความรู้จากแบบฝึกหัดข้างล่างนี้
|
|
|
1.
r = {(1 , 4) , (2 , 4) , (3, 5)}
|
|
2.
r = {(1 , 4) , (2 , 5) , (2 , 6) , (3, 4) , (3 , 7)}
|
|
|
|

|
ถ้าความสัมพันธ์ถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขว่า
นักเรียนจะหาความสัมพันธ์ข้างต้นได้อย่างไร และความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นฟังก์ชันหรือไม่ |
 |
|

|
|
|
ตามที่เราทราบมาแล้วว่าในการเขียนฟังก์ชันนั้น เรานิยมเขียนใน
2 แบบ คือ แบบแจกแจงสมาชิกเป็นเซต และ แบบมีเงื่อนไข ซึ่งในบางครั้งการเขียนแบบมีเงื่อนไขนั้น
ฟังก์ชันอาจจะลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการเขียนฟังก์ชันนั้นโดยส่วนใหญ่เรามักจะเขียนฟังก์ชันให้อยู่ในรูปของ
y ที่เป็นเทอมของ x เพื่อที่จะง่ายในการหาค่าของฟังก์ชัน นักเรียนลองศึกษา
วิดีโอคลิปต่อไปนี้ซึ่งจะนำเสนอ และแนะนำถึงการเปลี่ยนรูปฟังก์ชันพร้อมทั้งวิธีการหาค่าของฟังก์ชัน
|
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=fUIIKro2ef0
|
|
|
จากวีดิโอคลิปที่นักเรียนได้ศึกษา นักเรียนลองทบทวนความรู้จากแบบฝึกหัดข้างล่างนี้
|
|
จากฟังก์ชันที่กำหนดให้ จงหาค่าของ f(x) เมื่อกำหนด x = {1, 2, 3, 4}
|
|
|
คำชี้แจง
: ให้นักเรียนพิมพ์คำตอบโดยไม่ต้องเว้นวรรค
|
เช่น กำหนด f(x) = 4x + 1
เมื่อ x = 1 จะได้ f(1)=4(1)+1=5
|
|
1.
f(x) = 2x + 1
|
ถ้า x = 1
|
ถ้า x = 2
|
ถ้า x = 3
|
ถ้า x = 4
|
|
|

|
จากแบบฝึกหัดข้างต้น ให้นักเรียนกำหนดฟังก์ชันที่มีดีกรีมากกว่าสองมา
1 ฟังก์ชัน กำหนดโดเมน
พร้อมทั้งหาค่าของฟังก์ชัน โดยส่งมาทาง  |
|
|
|
|